สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยสถิติการรับแจ้งความ หลังเปิดศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1-9 มี.ค.65 รวมกว่า 1,600 คดี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถิติการรับแจ้งความหลังเปิดศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1-9 มี.ค. 65 เป็นต้นมา รวมกว่า 1,600 คดี รวมถึงประชาสัมพันธ์การเตรียมตัวก่อนแจ้งความออนไลน์ แบ่งเป็นการแจ้งความเกี่ยวกับการหลอกลวงทางการเงินกว่า 1,000 คดี การหลอกลวงจำหน่ายสินค้ากว่า 400 คดี และคดีประเภทอื่น ๆ เช่น คดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และการพนันออนไลน์ เป็นต้น อีกกว่า 200 คดี
ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงการเปิดให้บริการของศูนย์ดังกล่าว
รวมถึงสิ่งที่ต้องเตรียมเพิ่มเติมไว้ล่วงหน้าเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการแจ้งความผ่านศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ วันนี้จึงขอเปิด 3 วิธีง่ายๆ ดังนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชน ควรอยู่กับตัว เนื่องจากในการลงทะเบียนจะต้องกรอกข้อมูล ทั้งหมายเลขบัตรและหมายเลขหลังบัตรประชาชน เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน
2. อีเมล ผู้แจ้งควรจะต้องมีอีเมลส่วนตัว เพราะหลังจากกรอกรายละเอียดเบื้องต้นแล้ว ระบบจะส่งรหัส OTP ผ่านทางอีเมล เพื่อจะนำมากรอกในระบบ เพื่อยืนยันตัวตนผู้แจ้ง และจะเข้าสู้กระบวนการถัดไป
3. ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคดี ทั้งข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งและข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาเท่าที่ทราบได้แก่ ชื่อ นามแฝง เลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคารที่ใช้ในการทำธุรกรรม ช่องทางติดต่ออื่น ๆ เช่น Line Facebook Instagram Twitter เป็นต้น รวมถึงรูปแบบคำโฆษณาของเหล่ามิจฉาชีพ เพื่อใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลคดีอื่น ๆ ที่เคยแจ้งมาก่อน และจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบหาคนร้ายที่ทำในรูปแบบขบวนการ
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากได้รับข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ ผู้บริหารการรับแจ้ง (Admin) และผู้บริหารคดี (Case Manager) วิเคราะห์ข้อมูลและส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจที่ผู้แจ้งสะดวกในการเดินทางไปแจ้งความแล้ว ก็จะเริ่มดำเนินกระบวนการสืบสวนในทันที โดยพนักงานสอบสวนจะทำการโทรนัดหมายผู้แจ้งหรือผู้เสียหายมาสอบปากคำ อายัดบัญชี ทำการออกหมายเรียก และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องทางคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมทั้งจะรายงานความคืบหน้าคดีในระบบออนไลน์ ซึ่งผู้เสียหายสามารถติดตามความคืบหน้า ส่งข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามปัญหาผ่านระบบได้ตลอดเวลา
แต่ทั้งนี้ประชาชนก็ยังสามารถไปแจ้งความโดยตรงได้ทุกสถานีตำรวจที่สะดวก แม้สถานีนั้นจะไม่มีอำนาจการสอบสวน ก็จะส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจที่มีอำนาจการสอบสวนต่อไป
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเน้นย้ำเพิ่มเติมก่อนจะแจ้งความในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านทางศูนย์คือ ต้องตรวจสอบดูชื่อเว็บไซต์ของทางศูนย์รับแจ้งความให้ถูกต้องครบทุกตัวอักษร โดยเว็บไซต์ของศูนย์ชื่อว่า www.thaipoliceonline.com เพื่อเป็นการป้องกันเหล่ามิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสแอบปลอมแปลงเว็บไซต์ โดยการใช้ชื่อที่คล้ายกับเว็บไซต์จริง และทางศูนย์รับแจ้งความขอให้ประชาชนเข้าไปแจ้งผ่านทางเว็บไซต์เป็นอันดับแรก เพื่อความสะดวกของประชาชนและเพื่อความรวดเร็วในการเชื่อมโยงข้อมูลคดีของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ หากพบข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง
ตร. ตามล่า มือปืนยิงตำรวจดับ และ เจ็บหนึ่งนาย วอน ปชช. หากพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตามล่า มือปืนยิงตำรวจดับ ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับคุมคนร้ายในคดียาเสพติด ตำรวจเผยหากพบขอให้รีบแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตามล่า นายจำรัส รักจันทร์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง และตามประกาศสืบจับ สตช. หลังจากที่บุคคลดังกล่าว ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณใกล้สี่แยกบ้านท่านางพรหม ถนนสายสี่แยกบ้านท่านางพรหม-ท่าควาย ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เป็นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเสียชีวิตอีกหนึ่งนาย
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่าจากกรณีเมื่อวันที่ 9 มี.ค. เกิดเหตุตำรวจกองบังคับการปราบปราม 8 นาย ขับรถฟอร์ด 4 ประตูติดตามจับกุมนายจำรัส รักจันทร์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นตามหมายจับของ สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง มือปืนตามประกาศจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติลำดับ 145 ซี่งมีส่วนพัวพันในคดียาเสพติด ทั้งนี้ปฏิบัติการไล่ล่า เริ่มตั้งแต่บริเวณหน้าวัดบวงช้าง ม.7 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง เพื่อจับกุมคนร้ายตามหมายจับ
แต่คนร้ายขัดขืน ยิงปะทะกับคนร้ายบริเวณใกล้สี่แยกบ้านท่านางพรหม ถนนสายสี่แยกบ้านท่านางพรหม-ท่าควาย ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ทำให้ตำรวจบาดเจ็บและเสียชีวิต โดย ด.ต.อนันต์ มีแสง ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. ถูกกระสุนปืนเข้าศีรษะ ขณะที่ ด.ต.ชัชชัย พันธอู ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. ถูกยิงแขนขวาได้รับบาดเจ็บ และมีนายตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 นาย คนร้ายถูกวิสามัญ 1 ราย ส่วนนายจำรัส คนร้ายรายสำคัญยังหลบหนี
ยืนยันว่าไม่ได้พูดประเด็นนั้น พระที่วัดก็ไม่รู้ ท่านอธิการบุญมาก็ไม่รู้ มีคำให้การของพระอธิการบุญมา ที่เจ้าหน้าที่เรียกท่านไปสอบสวน ท่านอธิการบุญมาบอกว่าผมได้พูดแล้วว่าหลานหาย คำให้การท่านไม่ตรง มันไม่ใช่ วันนั้นผมไปจอดรถหน้าศาลาการเปรียญเพื่อกราบพระประธาน แล้วผมนำบาตรของท่าน กลดของท่าน เครื่องใช้ส่วนตัวมาไว้ที่รถ แล้วเดินไปครัวกลางของวัด เจออธิการบุญมา ผมก็เข้าไปคุยกับพระอาจารย์
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป