โหนกระแส วันนี้ ฟังคำตอบ แตงโม ฟันหักหรือไม่ ? โดยแพทย์คนแรกที่พบร่าง

โหนกระแส วันนี้ ฟังคำตอบ แตงโม ฟันหักหรือไม่ ? โดยแพทย์คนแรกที่พบร่าง

นพ.ศราวุฒิ แพทย์คนแรกที่เห็นร่าง แตงโม นิดา วันกู้ร่างขึ้นจากแม่น้ำเจาพระยา กรรชัย ถามในโหนกระแส วันนี้ ปมข้อสงสัย ฟันหักหรือไม่ รายการ โหนกระแส ล่าสุด วันนี้ (14 มี.ค.65) กลับมาตามต่อกับกรณีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดา โดยพิธีกร “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย ได้เชิญ นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ฯ และเป็นแพทย์ผู้ที่เดินทางไปยังจุดที่ค้นหาร่างดาราสาวพร้อมกับตรวจชันสูตรสาเหตุเบื้องต้นที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 การชันสูตรศพวันที่พบร่าง มาพูดคุยและซักถามประเด็นต่างๆ

โดยนอกจากการพูดคุยเรื่องการที่ แม่แตงโม 

จะขออายัดศพพร้อมกับขอผ่าพิสูจน์รอบใหม่ มีวิธีการยังไง อีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนสนใจก็คือ เรื่องของฟันแตงโมที่มีกระแสว่า ดาราสาวฟันหักนั้นจริงหรือไม่ ?

พิธีกร หนุ่ม กรรชัย จึงได้ขอซักถามข้อมูลตรงนี้กับ นพ.ศราวุฒิ ซึ่งคุณหมอผู้ที่ได้ชันสูตรศพแตงโมเบื้องต้นก็ตอบคำถามว่า ในการตรวจที่เกิดเหตุในวันนั้นก็อย่างที่ทุกคนเห็นกันก็มีนักข่าวเป็นจำนวนมาก แต่ทางทีมกู้ภัยก็ทำงานได้ค่อนข้างดี มีการกั้น สภาพศพเบื้องต้นคว่ำหน้าอยู่ นับจากเวลาที่ตกน้ำก็ 2 วัน ศพมีการเปลี่ยนแปลกค่อนข้างมาก ใบหน้าจำไม่ได้แล้วว่าเป็นคุณ “แตงโม นิดา” การระบุตัวตน เป็นการดูจากเครื่องแต่งกาย

ส่วนใบหน้าเบื้องต้นเราได้ตรวจทั้งการบาดเจ็บที่ลูกตา และช่องปาก เป็นการตรวจเบื้องต้น ทำให้เห็นฟันแค่บางซี่ เท่าที่เห็นฟันคู่หน้าไม่มีการหัก แต่ฟันชุดที่เหลือหักหรือไม่ต้องดูตรวจสอบเพิ่มเติม

“บริเวณใบหน้าที่คุณหนุ่มถามว่าเราได้ตรวจดูไหม เบื้องต้นก็คือเรามีการตรวจดู ทั้งการบาดเจ็บของลูกตาในที่เกิดเหตุ ทางช่องปาก ทั้งหมดทั้งปวงเป็นการตรวจเบื้องต้น เนื่องจากช่องปากมีการเปลี่ยนสภาพ มีการบวม ทำให้มีการเห็นฟันแค่บางซี่ ซึ่งเป็นฟันชุดหน้า เท่าที่เห็นฟันคู่หน้ายังไม่มีการหัก แต่ถ้าถามว่าฟันชุดที่เหลือหักหรือไม่จะต้องเป็นการตรวจเพิ่มเติมนะครับ ขอเรียนเบื้องต้นเท่านี้ครับ” นพ.ศราวุฒิ ตอบคำถามประเด็นฟันแตงโมหักหรือไม่ในรายการโหนนกระแส

เฮ! กทม. อนุญาต ดื่มแอลกอฮอลล์ ในห้างสรรพสินค้า และ โรงแรม ไม่เกิน 5 ทุ่ม

ผู้ว่าอัศวิน ลงนามในประกาศที่ว่าด้วยเรื่องการอนุญาตให้ประชาชนใน กทม. สามารถ ดื่มแอลกอฮอลล์ ในห้างสรรพสินค้า และ โรงแรม ได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ลงนามในประกาศของ กทม. ว่าด้วยเรื่อง เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 51) โดยในคำสั่งนี้ได้ระบุว่าทาง กทม. ได้อนุญาตให้ประชาชนสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่ประชุมและห้างสรรพสินค้าได้แล้ว แต่ต้องไม่เกิน 23.00 น.

โดยในประกาศระบุว่า “1. การให้บริการเพื่อการจัดประชุม สัมมนา หรือการจัดงาน ในโรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า

ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้ปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กรที่กำหนด รวมทั้งดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กำหนดอย่างเคร่งครัด

โดยอนุญาตให้มีการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในงานได้เฉพาะสถานที่ที่ผ่านการตรวจประมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety and Health Administration) ในระดับ SHA PLUS ของกระทรวงการท่องเที่ยวและก็ฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หรือตามมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยป้องกันโรค COVID – 19 รองรับสุขภาพดี วิถีใหม่ (Thai Stop Covid 2 Plus) ของกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย แล้วเท่านั้น และให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ไม่เกินเวลา 23.00 นาฬิกา

สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมงานให้พิจารณาตามความเหมาะสมของสถานที่ภายใต้แนวทางดำเนินการตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 45) ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2564 ข้อ 6

2. กรณีนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ เจ้าของสถานที่ ผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ

ผู้ร่วมกิจกรรม และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ยังคงต้องดำเนินการตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 53) ลงวันที่ 22 มกราคม 2565

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 51

ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อนึ่งเนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป”